รับมืออย่างไร กับเบี้ยประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทุกปี

ความจริงที่เราเจอก็คือในเกือบทุกแผนประกันสุขภาพจะมีการปรับราคาของเบี้ยประกันตามอายุ 🧓 ยิ่งอายุมาก เบี้ยยิ่งแพง ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามอายุ ขึ้นอยู่กับแบบประกันแต่ละที่ บางที่ขึ้นเป็นช่วงอายุ เช่น 20-25 ปี อยู่ที่ราคาเดียวกัน หรือบางที่ปรับทุกปีก็มี

.

เมื่อเราอยู่ในวัยชรา เช่น 60-70 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เราอาจไม่มีรายได้เข้ามาแล้ว ค่าเบี้ยประกันอาจสูงถึงปีละแสนหรือหลายแสน 💰 และเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามอายุ เราจะจัดการกับมันยังไงได้บ้าง?

.

◼️1.หาเงินเพิ่ม และกันเงินไว้ให้ชัวร์ในแต่ละปี 🏦

หลายคนอาจคิดว่าเฮ้ย ทื่อๆ ยังงี้เลยหรอ แต่มันทำจริงไม่ได้ง่ายยังงั้นนะเว้ย ผมขอแชร์แนวทางหนึ่งให้ฟังครับ บางทีถ้าเราเห็นยอดใหญ่ๆ เช่น เบี้ยปีละ 150,000 บาท/ปี ตอนอายุ 68 เราอาจจะรู้สึกว่ามันเยอะ แต่ถ้าเราเอาตัวนี้มาซอยย่อยและทยอยเก็บผ่านสินค้าทางการเงินอื่นๆ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระนี้ได้

.

👉เก็บผ่านประกันบำนาญ **แนะนำ: เราสามารถทยอยส่งเบี้ยตอนที่เรายังมีแรง มีรายได้ และเมื่ออายุครบเกษียณ 55 หรือ 60 ปี ประกันบำนาญจะคืนเงินมาเป็นกระแสเงินสดต่อปีหรือต่อเดือน ซึ่งเราสามารถใช้จ่ายค่าประกันสุขภาพได้ แถมยังมีความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตที่มากกว่าเบี้ยที่จ่ายไปอีก

.

👉เก็บผ่านกองทุนรวม **แนะนำ: ให้เน้นกองทุนที่ความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เนื่องจากถ้าเราเลือกกองทุนที่เสี่ยงสูงเกินไป อาจมีช่วงที่ขาดทุนและทำให้ไม่สามารถส่งเบี้ยประกันสุขภาพได้ ควรลงทุนแบบชัวร์ๆ ดีกว่า

.

👉เก็บผ่านบัญชีเงินฝาก: แยกไว้เป็นบัญชีเฉพาะเพื่อไม่ให้ถอนได้ง่าย **ไม่ค่อยแนะนำ แต่ก็ดีกว่าไม่เก็บเลย

.

◼️2.ปรับแผนประกันสุขภาพ 📝

เปรียบเทียบแผนประกัน: ทบทวนแผนประกันสุขภาพที่มีอยู่และเปรียบเทียบกับแผนประกันใหม่ๆ ที่มีในตลาด อาจพบแผนที่มีความคุ้มครองใกล้เคียงกันแต่เบี้ยประกันต่ำกว่า แต่ควรจำไว้ว่าถ้าทำประกันใหม่เมื่ออายุมากขึ้น อาจมีโรคใหม่ๆ ที่ไม่คุ้มครองแล้ว

.

ปรับแผนลงได้: ประกันสุขภาพสามารถปรับแผนลงได้ (ลดความคุ้มครอง) แต่ถ้าปรับขึ้น ประกันอาจสงสัยว่าคุณมีความเสี่ยงอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ และอาจขอให้ตรวจสุขภาพหรือดูประวัติการรักษาเพิ่มเติม

.

◼️3.พิจารณาเพิ่มวงเงินร่วมจ่าย (Deductible) 💵

Deductible หรือค่าเสียหายส่วนแรก คือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองเมื่อเกิดการเคลมประกันครั้งหนึ่งๆ ก่อนที่บริษัทประกันจะเริ่มจ่ายส่วนที่เหลือ

.

ตัวอย่าง: ถ้าคุณมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล 50,000 บาท คุณจ่ายค่า Deductible 10,000 บาท บริษัทประกันจะจ่ายส่วนที่เหลือ 40,000 บาท

เบี้ยประกันที่คุ้มครองตั้งแต่บาทแรกจะสูงกว่าแบบประกันที่มี Deductible การเลือกให้มีความรับผิดชอบส่วนแรกจะช่วยลดเบี้ยประกันได้ แม้ว่าจะต้องจ่ายเงินบางส่วนก่อนการเคลมประกัน แต่จะช่วยลดภาระเบี้ยประกันในระยะยาว

.

สรุป 📌

การจัดการเบี้ยประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทุกปีต้องเริ่มจากการทบทวนและปรับแผนประกันสุขภาพให้สอดคล้องกับความต้องการ ดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อให้สามารถคงความคุ้มครองได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เป็นภาระหนักเกินไป

◼️หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำและแนวทางในการจัดการเบี้ยประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ! 🌟

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *