อยากให้ลูกมีชีวิตแบบไหน ในวันที่คุณไม่สามารถอยู่ดูแลได้?”
ค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่ลูกต้องเผชิญ ค่าเทอมที่ต้องจ่าย หรือรายได้ที่เราทำงานสร้างขึ้นมาจะพอมั้ย ? คำถามพวกนี้อาจจะมีแว้บขึ้นมาอยู่ในหัว ของคุณแม่หลายๆ ท่านๆ อนาคตของลูกจะเป็นอย่างไร และเราจะวางแผนล่วงหน้าได้ยังไงบ้าง?
ถ้ายัง แอดจะมาชวนคิดไปทีละขั้นนะครับ
### ปัจจัยที่คุณแม่ควรพิจารณา:
[[1. ค่าใช้จ่ายในอนาคตของลูก:
แอดขอใช้ตัวอย่าง สำหรับหลักสูตรภาษาไทยก่อนนะครับ : สมมติว่าค่าเทอมต่อปีในโรงเรียนประถม (ป.1-ป.6) อยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทต่อปี รวมค่าใช้จ่าย 6 ปีจะเป็น 180,000 บาท
>>>ระดับมัธยมศึกษา:(ม.1-ม.6) ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 บาทต่อปี รวมค่าใช้จ่าย 6 ปีจะเป็น 300,000 บาท
>>>ระดับปริญญาตรี: ค่าเทอมเฉลี่ยในมหาวิทยาลัยภายในประเทศอาจอยู่ที่ 100,000 บาทต่อปี หากใช้เวลา 4 ปี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะอยู่ที่ 400,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ ป.1 จนจบปริญญาตรีในหลักสูตรภาษาไทย จะมีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 880,000 บาท
สำหรับโรงเรียนอินเตอร์หรือสองภาษา ค่าเทอมจะสูงขึ้นมาก เช่น
>>>ระดับประถมศึกษา (Inter/Bilingual): ค่าเทอมอยู่ที่ประมาณ **300,000 – 600,000 บาทต่อปี หรือสูงกว่านี้ในบางโรงเรียน
>>>ระดับมัธยมศึกษา (Inter/Bilingual): อยู่ที่ประมาณ 400,000 – 800,000 บาทต่อปี
>>>ระดับปริญญาตรี (มหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์): ค่าเทอมอยู่ที่ประมาณ 300,000 – 600,000 บาทต่อปี
.รวมค่าใช้จ่ายตั้งแต่ประถมศึกษาไปจนถึงระดับปริญญาตรีในหลักสูตรอินเตอร์หรือสองภาษา ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดอาจสูงถึง 5-10 ล้านบาท หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เลือก และถ้าบ้านไหน กำลังมอง โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ พาร์ทนี้ก็จะสูงขึ้นไปด้วยนะครับ
[[[2. ความสามารถในการหารายได้
หากคุณแม่มีรายได้ดือนละ 100,000 – 150,000 บาท และต้องการให้ลูกได้รับการดูแลต่อเนื่องไปอีก 5 ปีหลังจากที่คุณไม่อยู่แล้ว เหนาะ ๆเราควรวางแผนชดเชยรายได้ทั้งหมด 6,000,000 – 9,000,000 บาท (100,000 – 150,000 บาท x 12 เดือน x 5 ปี) เพื่อให้ลูกสามารถดำรงชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง
[[[3. หนี้สิ้นของครอบครัว
ไม่เพียงแต่เรื่องรายรับ และรายจ่ายประจำวัน คุณแม่ยังควรพิจารณาหนี้สินที่ยังค้างอยู่ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลต่างๆ ในกรณีที่การเสียชีวิตหรือการไม่สามารถทำงานได้ ครอบครัวอาจต้องเผชิญกับภาระหนี้สิน และนี่นี่ก็เพิ่มความกดดันทางการเงินอย่างมาก โดยเฉพาะถ้าคิดในมุมของลูก ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การปรับตัวและการดำเนินชีวิตต่อไป โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินหรือความจำเป็นในการแบกรับหนี้สินในอนาคต
[[[4. เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
เหตุฉุกเฉินที่เราไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุร้ายแรงหรือการเจ็บป่วยหนัก อาจทำให้เราต้องหยุดทำงาน และสูญเสียรายได้ในทันที และอาจจะมากับค่ารักษาพยาบาลที่ตึงตัว การมีประกันชีวิตสุขภาพที่ครอบคลุมจะช่วยเรามั่นใจมากขึ้น ในการรับมือการเจ็บป่วย และเหตุฉุกเฉิน
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่การวางแผนประกันชีวิตกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่การสร้างรความมั่นคงและปกป้องอนาคตของลูกและครอบครัว
### ตัวเลือกประกันชีวิต
[[1. ประกันชีวิตตลอดชีพ: ให้ความคุ้มครองตลอดชีวิต พร้อมมูลค่าเงินสดสะสมที่สามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน
[[2. ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา: เหมาะสำหรับการคุ้มครองในช่วงที่มีภาระหนัก เช่น ภาระหนี้สินหรือช่วงที่ลูกยังเล็ก ค่าเบี้ยต่ำ และคุ้มครองสูง
[[3. ประกันชีวิตควบการลงทุน: ผสมผสานการคุ้มครองชีวิตและการลงทุน มีโอกาสรับผลตอบแทนสูงจากกองทุนที่เลือก
คุณแม่สามารถเริ่มคิดเรื่องพวกนี้แต่เนิ่นๆ เพื่ออนาคตที่มั่นคงของลูก อย่าปล่อยให้ความไม่แน่นอนมาทำลายอนาคตพวกเค้าเลยนะครับ และแน่นอน การวางแผนล่วงหน้าไม่จำเป็นต้องทำคนเดียว
คุณแม่ท่านไหน มีคำถามในการเลือกแบบประกันที่เหมาะกับคุณและลูก ทักมาปรึกษาได้เลยครับ
Leave a Reply