ใครๆ ก็อยากได้ผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุน แต่แอดอยากจะบอกให้เคลียร์เลยว่า สิ่งนี้ไม่ได้มาจากประกันแน่นอน สิ่งที่เราจะได้ คือความมั่นใจ สบายใจ ความคุ้มครองชีวิต ส่วนผลตอบแทนนั้นจะมาเป็นประเด็นรอง
มาเข้าใจการทำงาน ก่อนที่จะมาเป็นผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์กันดีกว่า รวมถึงการได้เงิน ว่าจะการจ่ายตอนไหนบ้าง แล้วอยากให้ทุกคนลองคิดตาม ว่าแบบไหนนะ ที่เหมาะกับเรา
[[1. ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์มาจากไหน
ด้วยความที่สินค้าตั้งต้นเป็นประกัน เงินที่ได้รับมาจากลูกค้าจะถูกบังคับว่าต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำ เพื่อการันตีผลตอบแทนตามที่ได้ commit ไว้กับลูกค้า เช่น การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือสูง และเงินฝากธนาคาร ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีความมั่นคงทางการเงินสูง ผลตอบแทนจากสินทรัพย์เหล่านี้ไม่สูงมาก แต่มีความแน่นอนและปลอดภัย ทำให้บริษัทประกันสามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้าได้อย่างมั่นคง และยังมีหลักประกันคุ้มครองชีวิต
[[2. ระยะเวลาของสัญญา
ประกันออมทรัพย์มักมีระยะเวลาสัญญาตั้งแต่ 10 ปีไปจนถึง 25 ปี โดยทั่วไป ยิ่งระยะเวลาสัญญานานขึ้น อัตราผลตอบแทนรวมก็จะสูงขึ้น นั่นก็เพราะผลของมูลค่าเงินตามเวลา (**Time Value of Money)** และการพอกพูนของดอกเบี้ย ยิ่งออมยาว ผลตอบแทนก็ยิ่งสะสมไปเรื่อยๆ แต่แน่นอน เราก็ต้องมีวินัยในการจ่ายเบี้ยประกันอย่างต่อเนื่องด้วย การถอนเงินออกมาบางส่วน หรือกู้กรรมธรรม์ จะทำให้ผลตอบแทนที่เราได้ ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
[[3. จะได้เงินคืนตอนไหนบ้าง
อัตราผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์ยังขึ้นอยู่กับรูปแบบการจ่ายเงินคืน ซึ่งมีทั้งแบบจ่ายคืนเป็นรายปี จ่ายคืนเมื่อครบสัญญา หรือมีผลตอบแทนเพิ่ม
ตัวอย่างที่เรามักจะเจอกัน
จ่ายคืนเป็นรายปี: ให้สภาพคล่องระหว่างสัญญา แต่ผลตอบแทนต่อปีอาจต่ำกว่า เพราะต้องเจียดเงินมาส่วน มาคืนระหว่างทาง
จ่ายคืนทีเดียวเมื่อครบสัญญา: อาจให้ผลตอบแทนรวมสูงกว่า แต่เราต้องรอจนกว่าจะครบสัญญา เช่น 10 /15 หรือ 25 ปี ซึ่งบางคนอาจจะมองว่า ขาดสภาพคล่อง
โบนัส หรือปันผลเพิ่มเมื่อวันสิ้นสุดสัญญา (มีในบางแบบ) ถ้าการลงทุนนั้นมีกำไรมากขึ้นกว่าที่คาดการไว้
[[4. อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง
ถ้าดูจากกระแสเงินสดทั้งหมดแล้ว ผลตอบแทนที่แท้ของประกันออมทรัพย์ไม่ใช่แค่เงินสิ้นสุดสัญญา แต่ต้องรวมทั้งเงินคืนระหว่างปี สิทธิ์ลดหย่อนภาษี และปันผล(ุุถ้ามี) โดยอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงหรือ (Internal Rate of Return) ของประกันออมทรัพย์ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1-3% ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นผลตอบแทนที่มั่นคง สูงกว่าเงินฝากแต่ไม่เท่าการลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวม
[[5. Unit-Linked ประกันควบการลงทุน
คนที่สามารถรับความเสี่ยงมากขึ้นได้ และต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าประกันออมทรัพย์ “Unit-Linked” หรือประกันควบการลงทุน อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งมันก็เหมือนกับ ประกันชีวิต ที่ผสมพันธ์ กับกองทุนรวม มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ โดยที่ยังมีความคุ้มครองชีวิตอยู่
>>>Unit-Linked เป็นประกันที่มีความยืดหยุ่นสูง เราสามารถเลือกแผนการลงทุนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนจาก Unit-Linked อาจจะผันผวนตามสภาพตลาด แต่หากลงทุนในระยะยาว มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าประกันออมทรัพย์ทั่วไป
โดยผลตอบแทนที่คาดหวังได้จาก Unit-Linked อยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์แบบปกติ (แต่อย่าลืมว่า ผลตอบแทนในอดีต ก็ไม่ได้การันตีอนาคต เสมอไปนะ)
โอกาสหน้า ถ้ามีคนสนใจ แอดจะลงลึกถึง “Unit-Linked” ประกันควบการลงทุน ให้มากขึ้นนะครับ
Leave a Reply