คุณเบลล์ อายุ 40 ปี ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เธอวางแผนการเงินระยะยาวมาโดยตลอด เป้าหมายของเบลล์คือการออมเงินก้อนใหญ่ส่งลูกไปเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศ เบลล์จึงเลือกทำประกันออมทรัพย์ที่มีระยะเวลาสัญญา 15 ปี โดยตั้งใจที่จะจ่ายเบี้ยปีละ 50,000 บาท
ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งในปีที่ 5 บริษัทที่เบลล์ทำงานเกิดการปรับโครงสร้าง เบลล์ถูกเลิกจ้างกะทันหัน เบลล์ได้งานใหม่ รายได้ลดลงกว่าครึ่ง และมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากพ่อแม่เริ่มเจ็บป่วย เบลล์เริ่มกังวลว่าจะไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันต่อได้ เพราะเงินที่เคยเหลือพอใช้ในแต่ละเดือน ตอนนี้กลายเป็นไม่เพียงพอแล้ว
เบลล์ต้องตัดสินใจว่า จะหยุดจ่ายเบี้ยประกันไปเลย หรือหาทางออกอื่นที่จะไม่ทำให้ความฝันของลูกเธอต้องพังทลาย
สถานการณ์นี้อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ในช่วงที่เราคาดไม่ถึง เราพร้อมจะรับมือรึยังครับ?
[[1. เวนคืนกรมธรรม์: เบลล์พิจารณาเวนคืนกรมธรรม์ ซึ่งหมายถึงการยกเลิกประกันและรับเงินคืนเท่ากับมูลค่าเวนคืนสะสมไว้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ มูลค่าเวนคืนมักจะต่ำกว่าเบี้ยที่จ่ายเบี้ยไปแล้ว เพราะประกันออมทรัพย์มักให้มูลค่าเวนคืนที่ต่ำในช่วงแรกๆ ของสัญญา นอกจากนี้ ความคุ้มครองก็จะสิ้นสุดลงทันที การเวนคืนกรมธรรม์เป็นตัวเลือกที่สามารถทำได้ แต่อาจไม่คุ้มค่ามากนักหากเทียบกับการรักษาความคุ้มครองไว้
[[2. เปลี่ยนเป็นแผนการใช้เงินสำเร็จ ( Paid-up ): เบลล์สามารถหยุดจ่ายเบี้ยได้ แต่กรมธรรม์ยังคงความคุ้มครองอยู่ (ใช้มูลค่าเงินสำเร็จที่สะสมมา เพื่อรักษาความคุ้มครองของกรมธรรม์ไว้)่ โดยที่ความคุ้มครองจะลดลงตามสัดส่วนของเบี้ยที่จ่ายไป แม้ว่าจะไม่ได้เงินคืนเต็มจำนวนตามเป้า แต่ไม่เสียความคุ้มครองทั้งหมด
[[3. ขอขยายระยะเวลาการจ่ายเบี้ย: เบลล์สามารถขอขยายเวลาชำระเบี้ยออกไป หรือเลือกชำระเบี้ยในอัตราที่ลดลงต่อเดือน ซึ่งจะช่วยลดภาระการจ่ายเบี้ยในช่วงเวลาที่การเงินตึงตัว อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนเมื่อครบสัญญาอาจลดลงตามระยะเวลาที่ขยายออกไป
ถ้าให้แอดไล่ตามเสตป จะแนะนำเบลล์ว่า
>>1) ขอขอขยายระยะเวลาชำระเบี้ย**: หากยังต้องการคุ้มครองต่อ ลองสอบถามบริษัทประกันเกี่ยวกับทางเลือกในการขยายเวลาการชำระเบี้ย หรือการปรับเปลี่ยนแผนประกัน
>>ถ้าตึงตัวจริงๆ การชำระเบี้ยเต็มจำนวนในปัจจุบันทำได้ยาก 2) เบลล์สามารถขอเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์เป็นแบบใช้เงินสำเร็จซึ่งจะช่วยลดภาระการจ่ายเบี้ยในขณะเดียวกันก็ยังคงความคุ้มครองบางส่วน
>>3) หากไม่มีทางเลือกอื่น และจำเป็นต้องใช้เงินในทันที เบลล์คงต้องตัดสินใจเวนคืนกรมธรรม์และนำเงินที่ได้ไปใช้ ตัวเลือกนี้ จะกระทบส่วนลดหย่อนภาษีที่เคยใช้ไป ต้องคิดให้ถี่ถ้วนนะ
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
[[1) ประเมินสถานะการเงินอย่างสม่ำเสมอ:** ทุกๆ 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้ตามแผนที่วางไว้
[[2) เข้าใจมูลค่าเวนคืน : ควรศึกษาและเข้าใจมูลค่าเวนคืนในกรมธรรม์ เพื่อจะได้ตัดสินใจได้ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือจะให้ตัวแทน อธิบายให้ฟังก็ได้นะ
[[3) การหยุดชำระเบี้ยในระยะยาว: เช่น 6 เดือนขึ้นไป บางกรมธรรม์อาจจะกำหนดว่าเราต้องเริ่มขั้นตอนการสมัครใหม่ทั้งหมด อาจจะมีเงื่อนไขเพิ่ม หรือเบี้ยประกันแพงขึ้น
[[4)ปรึกษาตัวแทนประกัน : หากยังไม่แน่ใจว่าจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์นั้นๆ การพูดคุยกับตัวแทนประกันที่คุณไว้ใจจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและตรงกับสถานการณ์มากที่สุดครับ
Leave a Reply