หลายคนคิดว่ารายรับแค่พอใช้ ไหนจะ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือค่าใช้ในการดูแลครอบครัว แล้วจะทำประกันได้ยังไง จริงๆ แล้วการทำประกันไม่ได้ต้องใช้เงินเยอะเสมอไป ยิ่งภาระเยอะ ยิ่งต้องมีประกัน เพราะมันคือการปกป้องคนที่คุณรักจากภาระหนี้สิน ช่วยให้คนที่คุณรักมีเวลาตั้งหลัก หากเกิดอะไรไม่คาดฝันหรือเจ็บป่วยรุนแรง
.
สิ่งที่เราสามารถเริ่มทำได้
[[1. ประเมินความต้องการ : ลองคิดดูว่าเราต้องการความคุ้มครองแบบไหน เช่น ประกันสุขภาพที่ช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน หรือประกันชีวิตที่ช่วยดูแลครอบครัว การรู้ว่าเราต้องการอะไรจะช่วยให้เราเลือกประกันที่ตอบโจทย์ และไม่ต้องจ่ายเงินเยอะเกินไป
[[2.จัดลำดับความสำคัญ: ควรทำรายการรายจ่ายและจัดลำดับความสำคัญของแต่ละอย่าง ประกันชีวิตคือเครื่องมือที่ช่วยให้ครอบครัวของคุณไม่ต้องรับภาระหนักถ้าเกิดอะไรกับคุณ ดังนั้น ลองถามตัวเองว่ามันสำคัญพอไหมที่คุณจะจัดสรรเงินบางส่วนเพื่อความคุ้มครองในระยะยาว
[[3. เลือกประกันที่เหมาะกับงบประมาณ : ประกันชีวิตไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยสูงเสมอไป เลือกประกันที่มีทุนประกันเหมาะสมกับรายได้และความต้องการ เช่น ประกันแบบชั่วระยะเวลา (Term Life) เช่น คุ้มครองในช่วง 10 ปี / 15 ปี ซึ่งมีเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูงในช่วงที่เรามีภาระเยอะ
[[4.ปรับรูปแบบการชำระเบี้ย : ไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยประกันรายปีเสมอไป การแบ่งจ่ายรายครึ่งปี หรือรายเดือนจะช่วยให้เราสามารถควบคุมการเงินได้ง่ายขึ้น เช่น จ่ายเพียง 500-1,000 บาทต่อเดือน ก็สามารถมีทุนประกันที่เหมาะสมได้
[[5.ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นชั่วคราว: ถ้ามีรายจ่ายที่สามารถลดหรือปรับลดได้ เช่น การทานข้าวนอกบ้านบ่อยๆ หรือค่าสมาชิกบางอย่าง ลองปรับลดส่วนนี้
[[6. ลองดูประกันแบบเหมาจ่าย: สำหรับคนที่มีภาระเยอะ ควรมองหาประกันที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งเงินชดเชยให้ครอบครัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
.
เงินตึงตัวไม่ใช่เหตุผลที่ควรทำให้คุณมองข้ามการทำประกัน และประกันไม่ใช่สิ่งที่ต้องใช้เงินเยอะเสมอไป แต่เป็นการจัดการเงินให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและภาระในชีวิต การทำประกันช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าภาระจะเยอะขนาดไหน ครอบครัวของเราจะไม่ต้องรับภาระหนักในอนาคตนะครับ
Leave a Reply