โพสต์ที่แล้ว เราเปรียบเทียบระหว่าง “ประกันออมทรัพย์” และ “การฝากประจำ” ไปแล้ว ทั้งเรื่องของผลตอบแทน ความยืดหยุ่น และความคุ้มครองชีวิต
วันนี้ เราจะมาลงรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าทำไมการออมเงินผ่านประกันออมทรัพย์ถึงมีข้อดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราต้องเอาสัดส่วนเงินออมทั้งหมด มาลงกับประกันนะ ยิ่งเรารู้ครบถ้วนถึงประโยชน์ของมัน เราจะได้จัดสรรเงินออม ได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสม
1. มีความคุ้มครองชีวิต
อย่างแรกที่เห็นชัดเลย คือประกันออมทรัพย์มีความคุ้มครองชีวิต หากเราเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ยังไม่ครบอายุสัญญา ไม่ว่าเราจะจ่ายเบี้ยไปถึงปีไหน คนที่เรารักก็ยังได้รับเงินก้อนตามทุนประกันที่ตกลงไว้ เช่น:
ถ้าเราออมปีละ 50,000 บาท ในประกันออมทรัพย์ที่ให้ทุนประกัน 1,000,000 บาท ถ้าเกิดอะไรขึ้นในปีที่ 3 ครอบครัวเราก็จะได้รับเงิน 1,000,000 บาททันที ถึงแม้เราจะจ่ายเบี้ยประกันเพียง 150,000 บาทเท่านั้น
เทียบกับการฝากประจำ 50,000 บาทต่อปีในบัญชีดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ถ้าเสียชีวิตในปีที่ 3 ครอบครัวจะได้รับเพียง 153,000 บาทเท่านั้น รวมเงินต้นกับดอกเบี้ยที่สะสมมา 3 ปี ซึ่งต่างจากการทำประกันอย่างชัดเจน
ลองนึกภาพว่าเรามีคุณพ่อคุณแม่ ที่ต้องดูแล หรือลูกเล็กๆ ที่ยังต้องพึ่งพารายได้ของเรา การมีประกันออมทรัพย์ไว้จะช่วยให้ครอบครัวของเรามีเงินใช้จ่ายในวันที่เราอาจไม่อยู่แล้ว โดยมูลค่าที่มากขึ้น ถ้าเทียบกับเงินฝากปกติ ซึ่งนี่คือความคุ้มครองที่บัญชีฝากประจำไม่สามารถให้ได้
2. ผลตอบแทนคงที่ ไม่ผันผวน
ผลตอบแทนจากประกันออมทรัพย์จะถูกกำหนดชัดเจนตั้งแต่เริ่มทำสัญญา และเราจะรู้ว่าได้รับเงินเท่าไหร่เมื่อครบกำหนดสัญญา ไม่ต้องลุ้นว่าการลงทุนนั้น จะขาดทุนหรือไม่ เช่น ประกันออมทรัพย์แบบ 10 ปี อาจจ่ายคืนผลตอบแทน 110-120% ของเงินที่จ่ายไปทั้งหมด
ตัวอย่าง: ถ้าเราออมปีละ 100,000 บาท เป็นเวลา 10 ปี จะได้รับเงินคืนครบสัญญาประมาณ 1,100,000 – 1,200,000 บาท ซึ่งเท่ากับผลตอบแทนประมาณ 1-3% ต่อปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแผน
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร หรือดอกเบี้ยจะลดลงหรือเพิ่มขึ้น ประกันออมทรัพย์ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน เราสบายใจได้เลยว่าเงินที่ออมไว้นั้นจะไม่ลดลง
3. สิทธิ์ลดหย่อนภาษี
ประกันออมทรัพย์สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมายในฐานะประกันชีวิต โดยลดหย่อนได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่การฝากประจำไม่ได้ให้สิทธิ์นี้
หากเราอยู่ในกลุ่มรายได้ที่ต้องเสียภาษีในอัตรา 30% การนำเบี้ยประกัน 100,000 บาทไปลดหย่อนภาษี จะช่วยประหยัดเงินภาษีได้ถึง 30,000 บาท /ปี
4. สร้างวินัยในการออม
การออมเงินผ่านประกันบังคับให้เรามีวินัยในการจ่ายเบี้ยประกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสร้างเงินก้อนใหญ่ในอนาคตได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน ถ้าเราวางเงินไว้ในธนาคาร มันง่ายกว่ามากในการแอบถอนออกมาได้ทุกเมื่อ
การหยุดจ่ายหรือถอนเงินออกมาใช้ได้ก่อนครบสัญญา จะทำให้เราเสียสิทธ์หลายๆ ฉะนั้นประกันออมทรัพย์เป็นครึ่งมือ กึ่งบังคับวินัยของเราในการออม
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ควรจะจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ไม่ให้การเงินของเราตึงเกินไป ในโพสต์ถัดไป แอดพูดถึงการจัดสรรเงินสำหรับประกันออมทรัพย์ ให้สมดุลกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
Leave a Reply